เธียรี่ อองรี สุดยอดกองหน้าระดับตำนานของอาร์เซนอล
เธียรี่ อองรี หนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุด ในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลเกินกว่า 400 ประตู มากกว่า 200 แอสซิสด์ ตลอดอาชีพการค้าแข้ง คือสถิติการันตี ความอัจฉริยะของ ชายคนนี้ได้เป็นอย่างมาก
จากสไตล์การเล่นที่ยิงได้ทั้ง 2 เท้า และคลาสสิกสุดๆ ในการเล่นกับบอล สําหรับอาร์เซนอลแล้ว นี่คือราชาดาวยิงตลอดกาล และสําหรับทีมชาติฝรั่งเศส คือกองหน้าที่เก่งที่สุดเท่าที่แดนนํ้าหอมเคยมีมาและนี่คือ เธียรี่ อองรีตํานานของโลกฟุตบอล
หากใครที่เป็นคนที่ติดตามโลกของฟุตบอลจะรู้เลยว่า เธียรี่ อองรีนั้นเป็นสุดยอดกองหน้าที่ใครๆ ต่างก็จะรู้จักกับเขา เพราะเขาเป็นกองหน้าชาวฝรั่งเศษ ที่ในยุคนั้นโด่งดัง เป็นอยากมากเลยทีเดียว คิงอองรี
จึงทำให้เขาเป็นกองหน้าระดับต้นๆ ของโลกในช่วงนั้นเลยก็ว่าได้ และอองรีนั้นได้ฉายแววตั้งแต่ เล่นกับทีมเยาว์ชน จึงทำให้สโมสร ในลีกฝรั่งเศษ ที่เห็นแววของเขา ได้ดึงตัวมาเข้าร่วมทีม ในวัยเพียงแค่ 13 ปีเท่านั้นเอง
และนั้นเอง จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเขา ในการเริ่มอาชีพนักฟุตบอล หลังจากที่เขานั้น ได้เริ่มตกลงเซ็นสัญญา กับสโมสรโมนาโกในปี 1994 ในวัยเพียงแค่ 17 ปี ในช่วงแรกนั้น สล็อต 999
เขาไม่ได้เป็นกองหน้า อย่างถาวรแต่เขากลับโดนจับตัวมาเล่น ในตำแหน่งปีกซ้าย และด้วยความอัจฉริยะส่วนตัวอองรีที่สามารถยึดตําแหน่งตัวจริงในทีม และเป็นกําลังสําคัญของทีม ได้ไม่ยากแม้วัยที่ไม่ถึง 20 ปี
โดยในช่วงเริ่มต้นกับโมนาโกอองรีได้มีโอกาสร่วมงานกับ อาร์แซน เวนเกอร์ โดยภายหลัง เวนเกอร์ โดนไล่ออก เหตุก็เพราะเขาพยายาม ผลักดันอองรีขึ้นไป เป็นกองหน้าจนส่งผลให้ ผลงามของทีมไม่ดีนัก
การเดินทางของสุดยอดกองหน้าแดนน้ำหอมคนนี้
หลังจากปลด อาร์เซน เวนเกอร์ ในปี 1994 โมนาโกกลับเข้าสู่ยุคทอง ด้วยการคว้าแชมป์ลีกเอิงได้สําเร็จ โดยอองรีลงเล่นในตำแหน่งปีกซ้ายของทีม และได้กดไป 9 ประตู ตลอดเส้นทางการคว้าแชมป์ลีก
ซึ่งแชมป์ลีกเอิงในครั้งนี้ โดยตลอดทั้งซีซั่นนั้นอองรีได้มีโอกาสร่วมงานกับ ดาวิด เทรเซเก้ ดาวยิงประจําทีมในแนวรุก ซึ่งทั้งคู่ นอกจากจะเล่นได้เข้าขากันสุดๆ ในสนามแล้ว เธียรี่อองรีปัจจุบัน
นอกสนามทั้งอองรีและเทรเซเก้ ยังสนิทกันมากๆ ด้วยถึงขนาดที่ เทรเซเก้ ยกให้อองรีเป็นเพื่อนสนิท ที่ดีที่สุดใน อาชีพการค้าแข้งเลยทีเดียว ภายหลังในปี 1997 อองรีนั้นก็ได้มีโอกาส ติดทีมชาติฝรั่งเศส
ภายใต้การนําของกุนซือ เอมเม้ นักเก้ นั้นมีแนวรับ สุดแขร็งแกร่งทั้ง ลิลิยอง ตูราม และมาเชลเดอไซยี่ รวมทั้งยังมี ซีเนอดีน ซีดาน รับบทเป็น เพลย์เมคเกอร์ ขับเคลื่อนทีมอีกด้วย
ในช่วงนัดชิง บอลโลกปี 1998 อองรีที่โชว์ฟร์อมดีมาโดยตลอด ได้ยิงประตูไป 3 ประตูจาก 6 นัดที่ผ่านมา เป็นดาวยิงสูงสุดในทีม กลับไม่ได้ลงนัดชิง เป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างมาก
กองหน้าที่ทำผลงานไม่ค่อยดี และไม่สามารถที่จะยิงประตูได้เลย ตลอดทัวนาเม้น 98 แต่ถูกส่งเป็นตัวจริงได้ในนัดชิง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศส ก็สามารถคว้าแชมป์โลกได้สําเร็จ
ด้วยการชนะ บราซิล คู่แข่งในนัดชิงไป 3-0 โดยได้ 2 ประตูจากซีดาน และ 1 ประตูจากเปอร์ตี โดยตลอดเส้นทางการเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกอองรีกดไป 3 ประตู และทําไป 1 แอสซิสด์
หลังจบบอลโลก 98 อองรีกลับมาเล่นให้โมนาโก และย้ายไปยูเวนตุส ในปี 1999 โดยอองรีลงเล่นให้ โมนาโก ไป 105 นัด ทำประตูไปทั้งหมด 20 ประตู จากเกมส์ลีก เธียรี่อองรีทีมชาติ
ในเซเรียอาอิตาลี แต่ก็ไม่มีผลงานที่ดีสักเท่าไหร่ ไปไม่รุ่งอย่างที่หวังจากการที่ยิงไปเพียง 3 ประตู จากเกมการที่ได้โอกาสลงสนามไปถึง 16 นัด ในตำแหน่งปีกซ้าย
และจากการเล่นปีกซ้ายของเขา ดูเหมือนจะไม่เหมาะกับเขาบวกกับ การที่ยูเว่เต็มไปด้วย นักเตะระดับโลกมากมาย ในแนวรุกทั้ง เดล ปิเอโร่ อินซากี้ ซีดาน ทําให้เดอะคิงอย่างอองรี ไม่ได้เป็นตัวหลัก เหมือนตอนที่อยู่โมนาโก
ในปี 1999 อาร์เเซน เวนเกอร์ กุนซืออาร์เซนอล ได้คว้าตัวอองรีมาร่วมทีมได้สําเร็จในราคา 10.5 ล้านปอนด์ โดยอองรีได้ใส่เบอร์ 14 และเวนเกอร์ได้ปรับตําแหน่ง จากปีกซ้ายมายืนเป็นกองหน้าคู่กับ เดนิส เบริกแคมป์
ในช่วงแรกภายใต้การปรับตัว ทําให้อองรียิงไม่ได้เลยกว่า 10 เกม ก่อนจะยิงประตูแรกได้สําเร็จ ในเกมส์บุกเยือน เซาท์แธมตัน จากนั้นอองรีเดินหน้าถล่ม ประตูให้เดอะกันเนอร์สอย่างต่อเนื่อง ถึงความสามารถของเขา
เมื่อจบฤดูกาลแรก เขาได้ซัดประตูไปถึง 26 ประตู ทำให้กับสโมสรในตอนนั้น จนเป็นอันดับที่ 2 ของพรีเมียลีก จึงทำให้เขานั้น เป็นกองหน้าตัวเป้า ของสโมสรอาเซน่อล ในยุคสมัยนั้นเลยทีเดียว
เธียรี่ อองรี เส้นทางการค้าแข้งที่สุดยอดที่สุดในยุครุ่งเรืองของทัพปืนใหญ่
เป็นที่น่าเสียดายที่ซีซั่นในช่วงปี 1999 อาร์เซนอลไม่สามารถคว้าแชมป์อะไรได้เลย และหลังจากจบซีซั่น 1999-2000 อองรีก็ได้มีภารกิจสําคัญ ในการนำพาฝรั่งเศสลุยยูโร 2000 ที่เบลเยี่ยม และฮอลแลนด์
โดยในช่วงเวลานั้น อองรีได้ก้าวขึ้นมาเป็น กองหน้าตัวหลักของฝรั่งเศสได้สําเร็จ และสามารถพาฝรั่งเศสเอาชนะ อิตาลีไป 2-1 เป็นเจ้ายุโรปได้สําเร็จ
ซึ่งตลอดเส้นทางของแชมป์ยูโร อองรีก็ได้กดไป 3 ประตู และเป็นแมนออฟเดอะแมตช์ ในนัดชิงยูโร 2000 อีกด้วย ทำให้เขานั้น มีชื่อเสียงที่โด่งดังเป็นอย่างมาก และก็ทำให้แฟนบอลทั่วโลกนั้นรู้จักเขาเป็นอย่างดี
ถัดมาในช่วงปี 2000-2001 อองรีได้สถาปนาตน ให้เป็นดาวยิงระดับโลก ด้วยการเดินหน้ายิงประตู ได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งซีซั่น แต่ก็น่าเสียดายที่ อาร์เซนอล ในฤดูกาลนั้น จบซีซั่นด้วยการไร้ถ้วยแชมป์
ต่อมาในช่วงปี 2001-2002 อาร์เซนอล สามารถคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีคได้สําเร็จ และอองรีก็จบซีซั่นด้วยการเป็น ดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก ซึ่งเขานั้นได้ซัดประตูไปถึง 32 ประตูในฤดูกาลนั้น เป็นที่น่าภูมิใจอย่างยิ่ง
โดยตลอดทั้งซีซั่น อองรีได้ประสานงานกับเดนิส เบริกแคมป์ คู่หู่ในแดนหน้าได้อย่างลงตัว กลายเป็นคู่หู่นรกแตก แห่งพรีเมียร์ลีกในยุคนั้นเลยทีเดียว
ถัดมาในช่วงซีซั่น 2002-2003 อาร์เซนอล ภายใต้การนําทัพ ของอองรีเบริกแคมป์ คู่หูกองหน้านรกแตก ออกสตาร์ต ได้อย่างน่าประทับใจ โดยในซีซั่นนี้อาร์เซนอลเบียดแย่งลุ้นแชมป์ กับแมนยูมาอย่างสูสี
แต่เมื่ออาร์เซนอลพลาดท่าแพ้ ลีด ยูไนเต็ด ด้วยประตู 2-3 ส่งผลให้แชมป์ลีกหลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย แต่ถึงอย่างไรก็ตาม อาร์เซนอลก็สามารถ คว้าแชมป์ เอฟเอคัพ ได้สําเร็จจนได้
หลังจากนั้นอองรีก็ได้พาฝรั่งเศส คว้าแชมป์ คอนเฟ็ดเดอเรชั่น และจบทัวนาเม้นตร์ด้วยการเป็น MVP และดาวยิงสูงสุด ประจํารายการ เธียรี่อองรีpantip
นอกจากนี้ อองรียังได้ติดทีมยอดเยี่ยม ประจําปีของยูฟ่าอีกด้วย และจากผลงานสุดอลังกาล ที่ผ่านมาตลอด 4 ซีซั่น กับอาร์เซนอล ทําให้ อองรีกลายเป็นกองหน้าเบอร์ 1 ของยุโรปไปโดยปริยาย
สุดยอดกองหน้าที่เก่งที่สุดแห่งวงการฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
ถัดมาในซีซั่นช่วงปี 2003-2004 อาร์เซนอลก็หมายตา จะล้างอายหลังพลาดแชมป์ลีก เมื่อปีที่แล้วและด้วยขุมกําลังที่ลงตัวสุดๆ ในเวลานั้น เยน เลห์มัน เฝ้าเสาแนวรับ 4 คนประกอบไปด้วย โลล็อง เอตาเม่ โซล แคมเบล โคโล่ ตู่เร่ แอชลี่โคล
มิดฟิลด์คูกลางเป็น พารคทิค วิเอร่า กับ จิลแบร์โต้ซิลวา โดยมี โรแบร์ ปิแรส กับ เฟ็ดดี้ ลุงเบริก เป็นปีก 2 ข้าง ส่วนกองหน้าเป็น อองรีกับ เบริกแคมป์ คู่หูนรกแตก อาร์เซนอลในซีซั่นนี้ ได้ผงาดคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ด้วยสถิติไร้พ่ายอย่างใสสะอาด
เป็นปรากฏการของ วงการลูกหนังเลยทีเดียวก็ว่าได้ โดยเฉพาะอองรีที่มีความพีคสุดๆ ทั้งยิงทั้งจ่าย กดไป 31 ประตูจากพรีเมียร์ลีกเป็นดาวยิงสูงสุด และโรแบร์ ปิแรส ปีกพ่อมดก็กดไป 19 ประตู ส่วน เดนิส เบริกแคมป์ แม้ยิงไม่เยอะแต่ แอสซิสด์กระจาย
ถัดมาในช่วงปี 2004-2005 อาร์เซนอล ออกสตาร์ทฤดูกาลได้อย่างยอดเยี่ยม พวกเขาเดินหน้าสร้างสถิติไร้พ่ายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งต้องไปเยือน โอลแทรฟฟรอดของแมนยู ทำให้อาร์เซนอลต้องแพ้ไป 0-2 หยุดสถิติไร้พ่ายที่ 49 นัดเพียงเท่านี้
ส่งผลให้ อาร์เซนอล เริ่มแพ้บ้าง และพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีคไป แต่ในรายการเอฟเอคัพ อาร์เซนอลก็กลับล้างแค้น แมนยู ได้สําเร็จ ด้วยการเอาชนะแมนยูในนัดชิงในการดวลจุดโทษวัดแชมป์หลังจากในเวลา 90 นาที
และการต่อเวลาเสมอ 0-0 โดยอองรีจบซีซั่นด้วยการเป็นดาวซัลโว พรีเมียร์ลีค เป็นปีที่ 3 และเป็นปีที่2 ติอต่อกัน ต่อมาในซีซั่น 2005-2006 พาทริค วิเอร่า กองกลางกัปตันทีม ได้ลา อาร์เซนอล ไปอยู่ ยูเวนตุส ส่งผลให้ อาร์เซนอล ไม่สามารถประสบความสําเร็จที่จะเป็น แชมป์พรีเมียร์ลีก
แต่ถึงจะจบซีซั่นด้วยความผิดหวัง อองรีก็ยังได้รางวัลดาวยิงสูงสุดของ พรีเมียร์ลีค เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน จนกระทั่งในปี 2007 สโมสรบาเซโลน่า ได้ดึงตัวเขาไปเล่น ในลาลีกาสเปน และยังสามารถคว้าแชมป์
กับสโมสรได้อีกด้วยและเมื่อปี 2008-2009 เขายังได้เป็นแชมป์ กับสโมสรบาเซโลน่า ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องและได้ถ้วยถึง 3 ถ้วยในฤดูกาลเดียว
จึงทำให้เขานั้น เป็นนักเตะที่ สามารถคว้าแชมป์ ในสโมสรที่เข้าเล่นให้ ได้อย่างมากมาย และเมื่อปี 2010 เขาก็เดินทางต่อโดยการ
ออกจากลาลีกาสเปน ด้วยอายุอานาม ที่มากขึ้นนั้น
เขาจึงเลือกที่จะเป็นเล่นให้กับสโมสร นิวยอร์ก เรดบูลส์ ซึ่งไปเป็นแกนหลัก ของทีเลยก็ว่าได้ ต่อมาในปี 2012 สโมสรอาเซน่อล ยังได้ขอยืมตัวอองรีเพื่อที่จะให้กลับ มาช่วยทีมในระยะเวลาสั้นๆ
และสุดท้ายก็ได้ แขวนสตั๊ด ในปี 2014 ด้วยอายุ 37 ปี ซึ่งเส้นทางการค้าแข้งของเขาก็ได้จบลง และยังหันตัวมาเป็นโค้ช ให้เราเห็นกันอยู่ในทุกวันนี้อองรีนั้นได้เป็นนักฟุตบอล ที่ได้รับรางวัลมากมาย ในสมัยที่เขายังเป็นนักฟุตบอลอยู่
และยังเป็นกองหน้าระดับโลก ที่มีความสามารถครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นการยิง การปั่นฟรีคิก การเปิดมุม ที่ไม่ว่าจะทำอะไรเกี่ยวกับการเล่นฟุตบอลเขาก็สามารถทำได้อย่างดีเยี่ยมไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ยังได้เป็นขวัญใจของแฟนๆบอลอาเซน่อล